วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บทความกล้วยไม้ป่า2

กล้วยไม้ป่า



ประเด็นการนำกล้วยไม้จากป่ามาเลี้ยงถูกหยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์กันบ่อย แต่ทุกครั้งก็ไม่มีทางได้ข้อสรุป คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องในตลาดก็มีหลายกลุ่ม เช่นกลุ่มนายทุน กลุ่มนักล่า คนขนส่ง ผู้ขายรายใหญ่ คนขายรายย่อย กว่าจะมาถึงคนซื้อรายย่อยจริงๆ รับรองได้ว่าห่วงโซ่อุปทานยาวมากๆ

ผมถามคนซื้อกล้วยไม้ป่ารายหนึ่งว่าทำไมไม่ซื้อไม้ขวดมาเลี้ยง เขาตอบว่า “กล้วยไม้ทุกชนิดบนโลกนี้ ล้วนมีบรรพบุรุษมาจากกล้วยไม้ป่าทั้งสิ้น น้าโหดว่าใช่มั้ย” ผมพยักหน้า “แล้วไม้ดอกไม้ประดับชนิดอื่นๆ อย่าง กระดังงา โกสน โป๊ยเซียน กระบองเพชร น้าโหดว่ามันมาจากพันธุ์ป่ามั้ย” ผมตอบอย่างที่เขาคาดเดาให้ตอบว่า “ใช่” แล้วน้าโหดเคยถามคนที่ซื้อจันผา เปราะ นกป่า ม้าน้ำ เสือโคร่ง มาขายบ้างหรือเปล่าว่ารู้สึกอย่างไรบ้างที่อุดหนุนของป่า ของพวกนี้เป็นของคนทั้งโลกแหละ ทุกคนก็มีสิทธิใช้สอย ทำไมชาวบ้านไปถกกะเรกะร่อนจากต้นตาลมาปลูกหน้าบ้านไม่ว่าเขาผิด แล้วทำไม แจ้ดๆๆๆ ฉอดๆๆๆ lsie85kksjalaod0rkdl …… (อ้าวเฮร้ยซซซ ปากจัดอิ๋บเป๋งเลย)

อีกรายไปเที่ยวป่า กลับกรุงเทพมาพร้อมด้วยกล้วยไม้ป่าถุงใหญ่ บอกว่าไปเที่ยวพื้นที่ป่าที่เขากำลังจะสร้างเขื่อนเขากับพวกจึงระดมปีนเก็บกล้วยไม้มาปลูกที่บ้าน และพูดอย่างภูมิใจเหมือนกับว่าได้เป็นผู้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโลกว่าการถกกล้วยไม้มากองใหญ่นี้คือการช่วยชีวิต เพราะหากปล่อยไม้กล้วยไม้เหล่านี้ก็ตายอยู่ดี ผมคิดดูแล้วก็ท่าจะจริง แต่หลักเกณฑ์ว่าใครคือผู้เข้าไปเก็บแล้วไม่ผิด ถ้าชาวบ้านแถวนั้นเก็บไปปลูกประดับที่บ้านก็น่าจะดูดี ถ้าเก็บไปส่งนายทุนเพื่อเอาไปขายก็เริ่มแย่ลง ถ้าคนจากถิ่นอื่นเขาไปเก็บเพื่อใช้สอย ก็แล้วแต่เราตัดสินว่ากล้วยไม้นี้เป็นสมบัติของคนในท้องถิ่น คนในจังหวัด หรือของคนไทย หรือมวลมนุษยชาติกันแน่

บอกแล้วว่าเรื่องนี้ต่อให้เถียงกันให้ตาย ชาติหน้าก็ไม่จบ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น